อยู่อย่างไรให้ไกลโรคร้าย
การดูแลสุขภาพที่ดี เป็นการดูแลความเป็น กรด-ด่าง ในเลือด (หยิน-หยาง) ซึ่งมีผลต่อระดับสารพิษในเลือด ซึ่งส่วนใหญ่ร่างกายเราได้รับมาจาก
1. มลภาวะเป็นพิษทางอากาศ เช่น ควันเสียจากรถยนต์ ยาฆ่าแมลง
2. มลภาวะทางน้ำ เช่นน้ำจากท่อประปา แม้ว่าจะมาจากการประปา แต่ไม่ไช่ว่าจะปลอดภัย เนื่องจากระหว่างทาง มีสนิมจากท่อเหล็ก สารคลอรีน ซึ่งเมื่อมีการสะสมของสนิมในร่างกายมากๆ ก็ก่อโรคมะเร็งได้ สารชำระล้างต่างๆ ที่ละลายในน้ำ
3. สารพิษจากสิ่งที่มองไม่เห็น มาจาก
3.1 อาหารที่เรารับประทานทุกวัน กินประจำซ้ำซากทั้งเด็กและผู้ใหญ่ โดยเฉพาะจากนมวัว เริ่มมีการบริโภคมากขึ้น จากงานวิจัย คน 80,000 คน มีคนที่บริโภคนม แล้วเกิดโรคมะเร็งแล้วเพิ่มขึ้นเท่าตัว เพราะปัจจุบัน การเลี้ยงนมโดยใช้อาหารสัตว์ที่เร่งน้ำนมให้วัวมีนมใหญ่ขึ้น มีการตัดต่อสายพันธุ์ของวัว เมื่อเรากินนมวัว ทำให้เราได้รับสารอาหารที่ทำให้เซลในร่างกายเรามีความผิดปกติมากขึ้น ทำให้เกิดมะเร็งเต้านม คนที่กินนมวัว จะเป็นมะเร็งมากกว่าคนที่ไม่กิน
3.2 การบริโภคไก่ ไก่บ้าน ไม่มีปัญหา แต่ไก่เลี้ยงจากฟาร์ม จะมีการใช้สารอาหารเร่งโต เมื่อเรารับประทานเข้าไปทำให้ร่างกายคนเราโตเร็วขึ้น เกินกว่าอายุ เด็กผู้หญิงจะมีประจำเดือนเร็วขึ้น เด็กผู้ชายจะโตไวขึ้น ส่วนผู้หญิงที่เป็นผู้ใหญ่จะเป็นมะเร็งเต้านม ผู้ชายจะเป็นมะเร็งต่อมลูกหมาก
3.3 ผลไม้ ที่มีการตัดต่อพันธุกรรม เช่นองุ่นไร้เม็ด แตงโมไร้เม็ด เป็นพืชที่เป็นหมัน เท่ากับร่างกายเรารับพันธุกรรมที่เป็นหมันเข้าไป
3.4 การเผาผลาญอาหารของร่างกาย ถ้าเราออกกำลังกายมากขึ้น ร่างกายของเราต้องการออกซิเจนมากขึ้น เพื่อให้คาร์บอนไดออกไซด์ในเลือดลดลง ถ้าในเลือดคาร์บอนไดออกไซด์สะสมมาก ทำให้เลือดเป็นกรด ดังนั้นต้องเติมเต็มออกซิเจนในร่างกายให้ทัน
3.5 ร่างกายสร้างสารพิษเอง เช่น เครียส โมโห ภาวะความเป็นกรดในร่างกายจะสูง เกิดความร้อนในร่างกาย
3.6 เชื้อโรคต่างๆ ไม่ไช่แค่แบคทีเรีย หรือไวรัส แต่มีพวกพาราสิต หรือพยาธิ มีหลายสายพันธุ์ที่เราไม่สามารถมองเห็นได้ด้วยตาเปล่า เช่นมาจากไรฝุ่น พื้นที่นั่ง สัตว์เลี้ยง
3.7 บุหรี่ จะมีควันจากคาร์บอนไดออกไซด์ และสารพิษจากบุหรี่ การสูบบุหรี่ 1 มวนจะทำให้อายุสั้นลง 11 นาที
ในภาวะปกติของความสมดุลย์ของกรดและด่างในเลือดจะมีค่า pH 7.35-7.45 ซึ่งจะมีความเป็นด่างนิดๆ แต่ถ้าเลือดเป็นกรด เช่นคนเป็นเบาหวาน จะมีค่า pH เท่ากับ 0 หรือค่าเป็นด่างเท่ากับ 7 ถ้าร่างกายของเราสามารถควบคุมให้อยู่ในระหว่างนี้ได้ ทำให้เม็ดเลือดแข็งแรงดี ความสามารถในการนำพาออกซิเจนต่างๆ ทำได้ดี ในการสร้างภูมิคุ้มกัน การทำงานต่างๆ ก็จะดี
เลือดของคนเป็นมะเร็งจะมีค่า pH ไปทางกรด คือ 7.2-7.25 ภาวะของเลือดเป็นกรด (ketoacidosis) ทำให้กระตุ้นให้เกิดมะเร็ง และกระตุ้นให้เกิดอาการต่างๆ ได้เช่นกัน ถ้าเลือดเป็นกรด ร่างกายจะมีการสะสมไขมันเพิ่มขึ้น มีการเผาผลาญที่ต่ำลง คนอ้วนเมื่อเจาะเลือดแล้วพบว่าจะมีค่าเป็นกรดมากกว่า ถ้าอยากให้ร่างกายสวยผอม คือป้องกันไม่ให้เลือดเป็นกรดมากเกินไป ถ้าเราอยากอยู่ในสภาพที่แข็งแรง ไม่ต้องนั่งรถเข็นไปตลอดชีวิตตอนแก่
อีกตัวที่เราพบว่าทำให้แก่เร็วคือ (Free-radical) อนุมูลอิสระ ซึ่งมีความสัมพันธ์กับภาวะความเป็นกรดในเลือด ถ้าเรามีกรดในเลือดเพิ่มขึ้น แสดงว่าทำให้คนแก่ก่อนวัย ถ้าเลือดเป็นกรดทำให้มีอนุมูลอิสระมากขึ้น ทำลายเซลผิว ทำลายเซลประสาท ทำลายเซลกล้ามเนื้อต่างๆ ความเป็นกรด มีผลต่อออกซิเจนในเลือด แสดงว่าคารบอนไดออกไซด์ในเลือดเยอะกว่า เมื่อออกซิเจนต่ำลง ทำให้เชื้อโรคต่างๆ เจริญเติบโตได้ดีในร่างกายอย่างผิดปกติ เช่น เท้าเน่า โรคคันตามตัว โดยเฉพาะ ปรสิต ไวรัส แบคทีเรีย ทำให้เกิดโรคง่าย
ภาวะความเป็นกรดทำให้เลือดเสียสมดุลย์ เช่นภาวะของตับ เมื่อเลือดเป็นกรดมาก ตับจะสะสมไขมันมาก จนมีภาวะตับแข็ง เกิดนิ่วในไต และถุงน้ำดี กระทบกระเทือนไปถึงหลอดเลือด เกิดลิ่มเลือดจากไขมัน เกิดการอุดตันของหลอดเลือดได้มากขึ้น โอกาสเกิดโรคหลอดเลือดหัวใจได้มากขึ้น
โรคเบาหวาน จะมีน้ำตาลในเลือดมากกว่าคนปกติ เพราะเซลเอาน้ำตาลไปใช้ไม่ได้ ทำให้น้ำตาลลอยอยู่ในเลือด ถ้าไปค้างอยู่ในอวัยวะใดนานเกินไป จำทำให้เม็ดเลือดเสียประจุ ทำให้เม็ดเลือดไปเกาะกับเป็นแพ จะเกิดอาการชาตามปลายอวัยวะต่างๆ เช่น ปลายมือ ปลายเท้า ปลายประสาท หรือจอประสาทตา เมื่อมีการเกาะตัวหรือเหนียวตัวของเลือด ทำให้เลือดลอยเป็นแพ ไม่สามารภไปเลี้ยงเนื้อเยื่อตรงจุดไหนได้ จุดนั้นก็จะเกิดเนื้อตาย ทั้งๆ ที่ไม่ได้เกิดบาดแผลมาก่อน วิธีแก้คือต้องเติมด่างลงไป อวัยวะที่ขาดเลือดไม่มีแค่ปลายมือ ปลายเท้า แต่บางทีอาจเป็นเรื่องของไต ด้วย ภาวะเบาหวานเชื้อโรคจะโตเร็วมากกว่าปกติ ทำให้แผลหายช้า
โรคเก๊าต์ เกิดจากกรดยูริคมากเกินไป คนปกติจะสามารถใช้โปรตีนและย่อยโปรตีนได้ทั้งหมด แต่คนเป็นเก๊าต์ เมื่อโปรตีนสลายแล้ว ร่างกายไม่สามารถขับยูริคออกได้ทั้งหมด ก็จะเกิดการสะสมตามข้อต่างๆ เป็นตะกอน เกิดการเจ็บตามข้อมากๆ ถ้ามียูริคสูง โรคเก๊าต์ก็กำเริบ
โรคข้ออักเสบ กระดูกอักเสบ เมื่อเลือดเป็นกรด ร่างกายพยายามหาด่างมาปรับสมดุลย์ ซึ่งแหล่งที่หาง่ายที่สุดคือแคลเซียม ซึ่งมีความเป็นด่าง โดยดึงจากกล้ามเนื้อและกระดูก ค่อยๆ ดึงมาทุกวัน ระยะยาว 5-20 ปี เกิดโรคกระดูกพรุน สังเกตว่าคนสูงอายุบางคนจะมีลักษณะเตี้ยลงหรือหลังค่อม กระดูกสันหลังเริ่มทรุด หรือมีปัญหาปวดข้อเข่า สิ่งที่ต้องทำคือการลดความเป็นกรดลงก่อน เพื่อให้ร่างกายไม่เสียแคลเซียม และเติมแคลเซียมไม่ให้เขาสูญเสียไปจากอวัยวะต่างๆ
ความเป็นกรดทำให้ร่างกายขาดออกซิเจน เป็นการส่งเสริมให้เซลมะเร็งเติบโตเร็ว เซลมะเร็งจะชอบความร้อน การอักเสบ ชอบสารพิษต่างๆ มะเร็งในผู้หญิง เช่นมะเร็งเต้านม มะเร็งปากมดลูก มะเร็งรังไข่ ผู้ชาย เช่น มะเร็งปอด มะเร็งต่อมลูกหมาก
ทุกวันเราต้องดูแลตัวเองอย่างไรที่จะเอาสารพิษ เอาความเป็นกรดในเลือดออก
วิธีที่ 1 คือ ทำความสะอาดร่างกายโดยใช้น้ำ โดยมนุษย์ต้องการน้ำ 2-3 ลิตรต่อวัน
ตอนเช้า ตื่นมาดื่มน้ำอุ่น 2-3 แก้ว
ระหว่างวัน ดื่มน้ำทุกๆ ครึ่งชั่วโมง 2-3 อึก หรือประมาณ ครึ่งแก้ว ซึ่งช่วยบริหารไต ทำให้ผิวหนังเต่งตึงอุ้งน้ำได้
ดูว่าร่างกายขาดน้ำหรือไม่ ให้ดูที่สีปัสสาวะ ถ้ารับประทานน้ำเพียงพอจะมีสีเหลืองอ่อนๆ หรือ ไม่มีสี ถ้าสีเข้มแสดงว่าขาดน้ำ
อาหารที่เรารับประทาน 2-3 มื้อต่อวัน เราทานอาหารประเภทกรด 20-30% อีก 70% เป็นด่างหรืออาหาร Alkaline food (ตามภาพด้านบน) ซึ่งอาหารที่เป็นกรดเช่น น้ำอัดลม ที่มีส่วนประกอบของก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ น้ำตาลในรูปของเครื่องดื่ม แอลกอฮอล์ต่างๆ กาแฟ น้ำผลไม้ทั่วไป
อาหารที่เป็นด่าง เช่น น้ำขิงไม่ไส่น้ำตาล ให้ความเป็นด่างพอประมาณ ชาสมุนไพร เช่นชาดีท๊อก ชาล้างกรดส่วนเกินออกไปจากร่างกายได้ น้ำมะนาวสดควรใช้ผสมกับน้ำ เมื่อเข้าร่างกายจะเป็นสารต้านอนุมูลอิสระหลายตัวที่สามารถซับสารพิษออกไปได้
อาหารที่เป็นกรด ระดับความรุนแรงจากมากไปหาน้อย
รุ่นแรงมาก เช่น อาหารทอด อาหารที่ผ่านกระบวนการซับซ้อน มีการกลายพันธุ์ในพันธเคมี ทำให้มีพลังงานบางอย่างที่ทำลายเซล ทำให้ร่างกายต้องสูญเสียเอนไซน์หรือวิตะมินบางอย่างเพื่อมากำจัดของเสียเหล่านี้ออกไป บางคนรับรู้ได้ไว เมื่อกินแล้วจะรู้สึกร้อนใน
รองลงมา เช่นบาบีคิว อาหารกระป๋อง ผ่านกระบวนการเคมีที่ทำปฏิกิริยากับกระป๋อง
กรดอ่อนๆ เช่น อาหารแช่แข็ง ผ่านความเย็นจัด ทำให้มีสารพิษในอาหาร
อาหารที่ปลอดภัย คืออาหารที่ไม่ผ่านกระบวนการใดๆ เป็นอาหารที่สามารถดูดซับสารพิษในร่างกายได้ สร้างความเป็นด่างในร่างกายได้แก่
1. อาหารประเภทต้ม ไม่สร้างปัญหา แต่จะทำให้สูญเสียวิตะมินบางอย่างไปในระหว่างต้ม เช่น เนื้อสัตว์ หรือพืช
2. อาหารที่อบหรือนึ่งในช่วงสั้นๆ ที่ไม่เกิน 100 องศา
3. อาหารที่ดีที่สุดคืออาหารสด (Raw Food) อาหารที่ไม่ผ่านกระบวนการใดๆ จะได้วิตะมินจากธรรมชาติเต็มๆ ในพืชผัก จะมีตัวต้านอนุมูลอิสระ ตัวต้านมะเร็ง หรือสารพิษอยู่ในตัว มีวิตะมินที่เรียกว่า ไฟโตนูเทรียน เป็นสารอาหารจากพืชกว่า10,000 ชนิด ช่วยให้เราอยู่รอดและต้านสารพิษได้ดี ซึ่งปัจจุบันมีการผลิตสารอาหารจากพืชผักออกมาขายเป็นจำนวนมาก เช่น บล๊อกเคอร์รี่ เป็นตัวต้านมะเร็งได้ดี เช่นมะเร็งเต้านม หรือ ส้ม ถั่วเหลือง สตรอเบอรี่ บลูเบอรี่ หรือองุ่น สับปะรด ที่มีเอ็นไซน์ช่วยย่อยอาหารที่ตกค้าง
อาหารที่ควรหลีกเลี่ยงได้แก่
- เป็ดย่าง ไส้กรอก อาหารกระป๋อง (มีวัตถุกันเสีย) อาหารปิ้งย่าง (เกิดคาร์บอน) การไหม้ของอาหารทำให้เกิดมะเร็งในร่างกาย
- ในไส้กรอก มีการไส่กรดกันเสียเช่น กรดเบนโทอิก เมื่อสะสมในร่างกายนานๆ มีผลต่อปลายประสาท ทำให้เกิดอาการชาตามตัว ความจำเสื่อม ถ้ายังทานอยู่ให้นำไปลวกก่อนนำไปทอด
- เนย นม ให้ไขมันสูง โดยเฉพาะเนยเทียม หรือมาการีน ทำให้เลือดมีความเป็นกรด
- ไอศครีม มีน้ำตาล เนย นม
- ช็อกโกแลต
- ถั่วบางชนิด โดยเฉพาะเนยถั่ว มีการเติมสารกันบูดลงไปเพื่อไม่ให้เกิดเชื้อรา ซึ่งเชื้อรามีสารอัลฟ่าท๊อกซิน ทำให้เกิดมะเร็งในตับ
- อาหารขยะพวกฟาสฟู๊ด ร่างกายคนเราไม่สามารถย่อยอาหารพวกนี้ได้ เมื่อทานเข้าไป ร่างกายจะดึงสารอาหารในร่างกายออกมาย่อย ทำให้ร่างกายสูญเสียวิตะมินและเกิดสารพิษตกค้าง
- ผลไม้บางชนิด เช่น ลางสาด ทุเรียน เมื่อร่างกายมีความเป็นกรด สารพิษอยู่เยอะแล้ว ทำให้ร่างกายไม่สามารถเผาผลาญอาหารพวกนี้ได้ ทำให้ต่อมต่างๆ ในร่างกายไม่สามารถทำงานได้ ทำให้ป่วยง่าย เกิดโรคเรื้อรัง
ดังนั้นเราต้องกินอาหารที่เป็นด่างเข้าไปล้างกรดออกมาเยอะๆ การทำ AA Balance ไม่ไช่การบังคับให้เลิกสิ่งเหล่านี้ แต่เป็นการรักษาสมดุลย์ ความเป็นกรดด่างในร่างกาย โดยวิธี
- การเพิ่มออกซิเจนในเลือด ให้มีค่า pH ปกติ ซึ่งทำให้เซลของเราทำงานได้ดีขึ้น สร้างเม็ดเลือดได้ดีขึ้น
- การล้างสารพิษให้เลือดบริสุทธิ์ขึ้น เมื่อเลือดบริสุทธิ์ ผิวพรรณก็จะดูสดใส เช่นการดื่มน้ำอโรเวล่าผสมน้ำทับทิมและองู่นที่ชื่อ Life Alo หรือ คลอโรฟิล ซึ่งมีความเป็นด่าง จากสารสีเขียวของผัก ซึ่งช่วยดูดซับสารพิษได้ดี ทำให้เกิดออกซิเจนในเลือด เชื้อต่างๆ ไม่สามารถเจริญเติบโตได้ เป็นการต่อต้านเชื้อรา แบคทีเรีย ไวรัส ทำให้แผลแห้งเร็วขึ้น จุลชีพต่างๆ ในร่างกายฝ่ายดีจะเจริญเติบโตได้ดี ทำให้ระบบย่อยอาหารดี ป้องกันโรคภูมิแพ้ ลดอาการท้องอืดท้องเฟ้อ การอักเสบลดลง ไม่มีกลินตัว กลิ่นปาก กลิ่นเท้า ตับไตสะอาด
การทำ AA ฺBalance สามารถทำได้ทุกช่วงวัย สำหรับเด็ก เป็นการเสริมภูมิคุ้มกัน เสริมการทำงานระบบต่างๆ ของร่างกายให้ดีขึ้น